เกาะรังใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
หน้า 3 ร้านไข่มุก ฟาร์มหอยมุก
|
หมายเหตุ : เนื้อหาและรูปภาพในหัวข้อเกาะรังใหญ่ - ร้านไข่มุกนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 3 หน้า ท่านสามารถ click link ตัวเลขที่ด้านล่างสุดของหน้า เพื่อชมข้อมูลและรูปภาพในหน้าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นของบทความว่า ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.thongteaw.com) ตั้งใจเดินทางมายังเกาะรังใหญ่เพื่อศึกษาหาประสบการณ์และเก็บเกี่ยวความรู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับหอยมุกและไข่มุกต่าง ๆ เพราะฉะนั้นหลังจากที่พวกเราได้พาทุก ๆ ท่านไปทำความรู้จักกับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศโดยรวมของเกาะรังใหญ่กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวที่พวกเราจะมาเขียนสั่งลาบทความชิ้นนี้ด้วยเรื่องราวของ “หอยมุกและไข่มุก” กันบ้างดังต่อไปนี้
ไข่มุกคืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร? : “ไข่มุก” คือ อัญมณีจากสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวในโลก ลักษณะเป็นรูปทรงกลม รี หรือเป็นซีก มีสีสันแตกต่างกันไปตั้งแต่ สีขาว ,สีขาวอมชมพู ,สีขาวเหลือบรุ้ง ,สีเขียว ,สีดำอมเขียว ,สีม่วง ,สีดำอมม่วง ,สีเทาอ่อน ,สีเทาเข้ม ,สีดำ และสีทอง ไข่มุกนั้นมีทั้งแบบที่ “เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (Natural Pearl)” จากการที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในตัวหอย (ส่วนใหญ่เป็นเม็ดทราย กรวด หรือหินก้อนเล็ก ๆ) และก่อให้เกิดการระคายเคืองจนเจ้าหอยน้อยที่น่าสงสารต้องขับสารมุกออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวเพื่อลดการระคายเคือง สารมุกซึ่งถูกขับออกมาจากตัวหอยจะค่อย ๆ พอกพูนเคลือบคลุมสิ่งแปลกปลอมหนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั้งกลายเป็นไข่มุกในที่สุด สำหรับไข่มุกอีกประเภทหนึ่งนั้น ได้แก่ “ไข่มุกเลี้ยง (Cultured Pearl)” ซึ่งได้มาจากการที่มนุษย์นำองค์ความรู้ของการเกิดไข่มุกตามธรรมชาติมากระทำชำเราเจ้าหอยน้อยผู้สุดแสนรันทดโดยการนำสิ่งแปลกปลอมยัดใส่เข้าไปในตัวหอยเพื่อให้เจ้าหอยผลิตสารมุกออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวจนกลายเป็นไข่มุกเหมือน ๆ กับการเกิดไข่มุกตามธรรมชาตินั่นเอง สิ่งแปลกปลอมซึ่งนำใส่เข้าไปในหอยตัวรับที่จะใช้ผลิตไข่มุก (recipient) นั้นมีตั้งแต่เนื้อเยื่อปกคลุมที่เรียกว่า “mantle” ภายในฝาของหอยตัวบริจาค (donor) ,เปลือกหอยซึ่งนำมากลึงให้เป็นรูปทรงกลม ,เม็ดพลาสติก ,เม็ดแก้ว ฯลฯ ตามแต่นโยบายในการผลิต สำหรับไข่มุกที่ได้ก็จะมีลักษณะและสีสันต่าง ๆกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของหอยตัวรับและสิ่งแปลกปลอมซึ่งถูกใส่เข้าไปในตัวหอย
|
ไข่มุกอันดามัน.....ของขวัญจากทะเลใต้ |
|
น้องหนูจำมัย? กับพี่เจ้าหน้าที่เกาะรังใหญซึ่่งกำลังอธิบายความรู้และเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับไข่มุกให้ฟังอยู่ |
หอยมุกคืออะไร? “หอยมุก” เป็นหอยสองฝาซึ่งมีชั้นมุก (nacreous layer) ที่มีความแวววาวและมีความสามารถในการผลิตไข่มุกได้ หอยมุกนั้นมีทั้งชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืด เช่น หอยกาบ และชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำเค็ม เช่น หอยมุกจาน ,หอยกระจิบ ,หอยปีกนก เป็นต้น ปัจจุบันไข่มุกที่ผลิตจากหอยมุกน้ำจืดกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาที่ถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย แต่ไข่มุกที่ผลิตได้จากหอยมุกน้ำเค็มจะมีความงามและความแวววาวมากกว่าอีกทั้งยังหาซื้อได้ยากกว่าจึงทำให้ไข่มุกจากหอยน้ำเค็มมีราคาสูงกว่า โดยปกติจะใช้เวลาในการเลี้ยงดูหอยมุกนับตั้งแต่เริ่มใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในตัวหอยจนกระทั่งเก็บเกี่ยวไข่มุกประมาณ 18 เดือน – 5 ปีขึ้นอยู่กับชนิดของหอยและขนาดของไข่มุกที่ต้องการ หากทิ้งไข่มุกไว้ในตัวหอยนานเกิน 5 ปีโดยไม่ยอมเก็บเกี่ยว หอยมุกก็จะคายไข่มุกที่อยู่ภายในตัวทิ้งออกมา (ในบางครั้งหอยมุกก็จะมีการคายไข่มุกออกมาก่อนกำหนดเก็บเกี่ยวบ้าง.....เนื่องจากมันต้องการขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากร่างกาย ปัจจุบันฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยมุกหลายแห่งจึงนิยมใช้ถุงตาข่ายครอบตัวหอยมุกเลี้ยงเอาไว้เพื่อป้องกันการสูญหายของไข่มุกที่ถูกหอยคายออกมาครับ) ศัตรูตามธรรมชาติของหอยมุก ได้แก่ ปลาปักเป้า ,ปู ,เพรียง ,ฟองน้ำ ,หอยกะพง ,หอยแมลงภู่ ,ฟองน้ำและสาหร่าย เป็นต้น
สายพันธุ์ของไข่มุกมีหลายประเภท : สายพันธุ์ของไข่มุกถูกจัดแบ่งตามแหล่งกำเนิดของหอยมุกแม่พันธุ์ได้หลายประเภท คือ
1. Akoya เป็นไข่มุกซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น – จีน แม่พันธุ์ ลักษณะไข่มุกเป็นเม็ดสีขาวแวววาว ขนาดโตประมาณ 2 – 9 ม.ม. เมื่อนำมาส่องกับไฟจะเห็นประกายสีชมพูเหลือบสีรุ้งบาง ๆ อยู่ด้วย ไข่มุก Akoya ซึ่งได้มาจากหอยมุกที่เพาะเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่นจะมีความแวววาวสวยงามมากกว่าไข่มุกจากประเทศจีน
2. South Sea หรือ “ไข่มุกทะเลใต้” เป็นไข่มุกขนาดใหญ่ประมาณ 9 – 17 ม.ม. ต้นกำเนิดหลักของไข่มุกชนิดนี้อยู่ในแถบประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์ซึ่งมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น เช่น ออสเตรเลีย ,อินโดนีเซีย ,พม่า เป็นต้น โดยปกติไข่มุกชนิดนี้จะมีสีขาวแกมเงิน (White South Sea Pearls) เมื่อนำมาส่องไฟจะเห็นประกายเหลือบสีรุ้ง แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบไข่มุกทะเลใต้ชนิดใหม่ซึ่งมีสีทอง (Golden South Sea Pearls) แถบประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้ในปัจจุบัน “ไข่มุกสีทอง” ได้กลายเป็นไข่มุกซึ่งหายากและมีราคาแพงที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว
3. Tahitian หรือ “ไข่มุกตาฮิติ” เป็นไข่มุกที่มีสีสันพิเศษกว่าไข่มุกชนิดอื่น ๆ (แต่ก็ไม่พิเศษไปกว่า “ไข่มุกสีทอง” แน่นอนครับ) คือ สีเทา ,ดำ ,เขียว ,น้ำเงินเข้มหรือม่วง ขนาดประมาณ 8 – 16 ม.ม. มีต้นกำเนิดในแถบเกาะคุก ,เกาะตาฮิติ หมู่เกาะโพลินิเซีย ประเทศฝรั่งเศส ความแวววาวของไข่มุกชนิดนี้จะคล้ายกับความแวววาวของสีโลหะ (Metallic colors)
4. Freshwater หรือ “ไข่มุกน้ำจืด” เป็นไข่มุกซึ่งได้มาจากการเพาะเลี้ยงหอยมุกแม่พันธุ์ในแหล่งน้ำจืดทั่วไป (ส่วนใหญ่ใช้แม่พันธุ์เป็น “หอยกาบ”) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ,ญี่ปุ่น และจีน สีสันของไข่มุกน้ำจืดนั้นมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็น สีขาว ,น้ำตาล ,น้ำเงิน ,ม่วง ,ชมพู ,ส้ม ,ฯลฯ (เกิดจากการใช้กระบวนการพิเศษเพื่อย้อมสีไข่มุกในหอยเพาะเลี้ยง) มีขนาดเม็ดไข่มุกเฉลี่ยตั้งแต่ 2 – 10 ม.ม. ไข่มุกจากหอยน้ำจืดเพาะเลี้ยงนั้นจะมีความเงาและความแวววาวด้อยกว่าไข่มุกจากหอยน้ำเค็ม อีกทั้งยังสามารถผลิตจำนวนไข่มุกได้มากเฉลี่ย 4 – 5 เม็ดต่อหอยแม่พันธุ์ 1 ตัวและใช้เวลาในการเพาะเลี้ยงสั้นเพียงแค่ประมาณ 9 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวไข่มุกได้ (ในขณะที่หอยมุกน้ำเค็มจะสามารถผลิตไข่มุกได้เฉลี่ย 1 – 3 เม็ดต่อหอยแม่พันธุ์ 1 ตัวและต้องใช้ระยะเวลาในการเพาะเลี้ยงขั้นต่ำประมาณ 2 ปี) จึงทำให้ไข่มุกน้ำจืดมีราคาต่ำกว่าไข่มุกจากหอยน้ำเค็มชนิดอื่น ๆ
5. Mabe หรือ “ ไข่มุกซีก (Half pearl)” เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของไข่มุกที่เจริญติดอยู่กับเปลือกหอยไม่ได้เจริญอยู่ในตัวหอยดังเช่นไข่มุกเต็มใบชนิดต่าง ๆ เหมาะสำหรับการนำมาทำต่างหูและหัวแหวน
จะเลือกซื้อไข่มุกแท้ได้อย่างไร? แน่นอนว่าราคาระหว่างไข่มุกแท้กับไข่มุกเทียมนั้นย่อมแตกต่างกันหลายเท่า เพราะฉะนั้นหากคุณต้องการจะเสียสตางค์มากกว่าเพื่อซื้อหาไข่มุกแท้ล่ะก็ คุณก็ควรจะมีความรู้ในการเลือกซื้อไข่มุกแท้ติดตัวเอาไว้เพื่อใช้ป้องกันหลบหลีกลูกล่อลูกชนของเหล่ามิจฉาชีพผู้ช่ำชองซึ่งมีหน้าที่หลอกลวงคุณเป็นอาชีพ ดังคำแนะนำต่อไปนี้
1. ไข่มุกแท้นั้นเมื่อสัมผัสหรือถูผิวไข่มุกไปมาเบา ๆ จะรู้สึกสาก ๆ ไม่เรียบลื่น (เนื่องจากไข่มุกแท้นั้นมีส่วนประกอบหลักเป็นผลึกหินปูนธรรมชาติจึงทำให้พื้นผิวไม่เรียบลื่น แม้ว่าดูภายนอกไข่มุกแท้อาจจะเนียนสวยเงางามก็ตาม) หากลองสัมผัสหรือถูแล้วรู้สึกเนียน เรียบ ลื่นดี ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นไข่มุกปลอม (ไข่มุกปลอมส่วนใหญ่ทำมาจากแก้ว ,พลาสติก หรือเปลือกหอยเจียนให้เป็นเม็ดกลม ๆ)
2. สีของไข่มุกแท้นั้นจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ “สีของเนื้อไข่มุก (Body color)” และ “สีเหลือบ (Overtone)” ไข่มุกแท้โดยปกตินั้นเมื่อนำไปส่องกับแสงไฟจะมีสีเหลือบออกรุ้ง พอขยับหมุนเม็ดไข่มุกไปยังมุมต่าง ๆ สีเหลือบนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามมุมตกกระทบของแสงที่เลื่อนเขยื้อนไป สีเหลือบนี้จะไม่เงาเป็นสีเดียว ส่วนไข่มุกเทียมซึ่งเคลือบผิวด้วยสารเพิ่มความมันวาวนั้นจะไม่ปรากฏสีเหลือบให้เห็น
3. รูปร่างของเม็ดไข่มุกแท้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยกลมดิกเหมือนลูกบิลเลียดแต่อาจจะมีรูปร่างบิดเบี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ส่วนไข่มุกเทียมนั้นมักจะมีรูปร่างกลมดิกสั่งได้ราวกับเสกออกมาจากเครื่องเลยทีเดียว สำหรับไข่มุกแท้ที่กลมเกลี้ยงสวยงามผิวเรียบเนียนสวยสม่ำเสมอก็มีอยู่บ้างแต่ถือเป็นไข่มุกชั้นดีซึ่งจะมีราคาสูง หากพบว่าไข่มุกที่จะซื้อนั้นกลมดิกสวยงามแต่มีราคาต่ำจนน่าใจหายต้องลองตรวจสอบตามข้อ 1. และ 2. ให้ละเอียดอีกครั้งครับ
|
ไข่มุก หอยมุก และอุปกรณ์เก็บเกี่ยวมุกจากตัวหอย
|
การดูแลรักษาเครื่องประดับซึ่งเป็นไข่มุกแท้ควรทำอย่างไร? ไข่มุกนั้นมีสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ที่เรียกว่า “aragonite” เป็นส่วนประกอบหลัก 82 – 86 % อินทรีย์สารจำพวกโปรตีนที่เรียกว่า “conchiolin” 10 – 14 % และน้ำ 2 – 4 % เพราะฉะนั้นการดูแลรักษาและทำความสะอาดเครื่องประดับมุกแท้จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก อย่านำไข่มุกแท้.....อมตะ?....เลอค่า.....(แต่ไม่สามารถคงอยู่ได้.....นิรันดรกาล......เหมือนในโฆษณาแน่นอน).....ไปใกล้สารเคมีทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสเปรย์ ,น้ำหอม ,โลชั่น ,สบู่ ,กรด – ด่าง ,ฯลฯ เนื่องจากโครงสร้างดังกล่าวข้างต้นของไข่มุกจะเสื่อมสภาพและทำให้สีของไข่มุกเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนั้นสารเคมีบางชนิดยังสามารถกัดกร่อนผิวไข่มุกให้บางลงได้อีกด้วย (ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเคยเจอคนที่ใช้น้ำยาทำความสะอาดขัดซะจนผิวไข่มุกหายไปหมดเหลือแต่แกนพลาสติก เนื่องมาจากไม่ทราบว่าควรดูแลรักษาไข่มุกให้ถูกต้องอย่างไรดีด้วยครับ)
การทำความสะอาดไข่มุกแท้ภายหลังการสวมใส่นั้น หากไม่สกปรกหรือไม่เปื้อนคราบเหงื่อไคลใด ๆก็สามารถใช้ผ้านุ่ม ๆ (เช่น ผ้าไหม) เช็ดทำความสะอาดแล้วเก็บได้ทันที แต่หากไข่มุกเปื้อนเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ มาก (เช่น เครื่องสำอาง ,ครีมบำรุงผิว ,น้ำหอม ,ฯลฯ) แนะนำให้ล้างด้วยน้ำสะอาดทันที หรืออาจจะใช้วิธีการแช่ไข่มุกในน้ำอุ่นประมาณ 15 – 20 นาที (น้ำอุ่นไม่ใช่น้ำร้อน : การสังเกตว่าน้ำไม่ร้อนจนเกินไปนั้นทำได้โดยการใช้มือของคุณจุ่มลงไปในน้ำแล้วสามารถแช่มือเอาไว้ได้อย่างน้อยประมาณ 5 – 10 นาทีโดยไม่โดนลวกครับ) แล้วเช็ดเบา ๆ ด้วยผ้านุ่ม ๆ ก่อนจะผึ่งไข่มุกให้แห้งโดยวางทิ้งไว้บนผ้านุ่มประมาณ 24 ชม.ในอุณหภูมิห้อง หลังจากไข่มุกแห้งดีแล้วให้เก็บใส่ถุงผ้านุ่ม ๆ หรือกล่องที่มีการบุด้านในด้วยวัสดุนิ่ม ๆ หลีกเลี่ยงการเก็บไข่มุกรวมกับเครื่องประดับชนิดอื่น ๆ เพราะอาจมีการเสียดสีและเกิดรอยขูดขีดบนผิวไข่มุกได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังไม่เก็บไข่มุกไว้ในสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิสูงหรือที่ ๆ สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเพราะอาจจะทำให้สีของไข่มุกเปลี่ยนแปลงหรือสูญเสียความเงางามกรณีที่คุณใช้เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ครีมทากันแดด น้ำหอม หรือยาระงับกลิ่นกายต่าง ๆ ควรเว้นระยะเวลาภายหลังจากใช้เครื่องประทินผิวดังกล่าวประมาณ 30 นาทีแล้วจึงค่อยสวมใส่เครื่องประดับมุก เนื่องจากเครื่องประทินผิวเหล่านี้อาจมีส่วนผสมทางเคมีที่จะทำให้สีหรือความเงางามของไข่มุกเปลี่ยนไป และไม่ควรใช้มือจับต้องลูบคลำเม็ดไข่มุกคลึงเค้นไปมาประมาณว่า.....โอ้...อ..อ.อ.....ของรักของข้า.....ของหวงของข้า.....ที่รัก.....my passion.....my precious.....เพราะนอกจากคนอื่น ๆ อาจจะคิดว่าคุณถูกวิญญาณของเจ้า “กอลลัม” เข้าสิงแล้ว (“กอลลัม” คือ ชนเผ่าฮอบบิทในภาพยนตฺร์เรื่อง “The Lord of The Ring” ซึ่งถูกอำนาจของแหวนเจ้าพิภพครอบงำจนสติแตกและมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปจนสยดสยองพองขนแทบไม่เหลือเค้าโครงร่างเดิมสมัยเป็นฮอบบิท) ยังจะทำให้ผิวไข่มุกทำปฏิกิริยากับเหงื่อของคุณจนสีของไข่มุกหม่นหมองไปได้ด้วย (ร้านจำหน่ายไข่มุกแท้ส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยชอบให้ลูกค้าลูบคลำสัมผัสกับสินค้าไข่มุกของตน)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ? พออ่านบทความตั้งแต่ต้นมาจนกระทั่งถึงบรรทัดนี้แล้วทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมก็หวังว่าทุก ๆ ท่านน่าจะได้รับความรู้และความบันเทิงกันไปไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายก่อนจะจากกันไป.....ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่พวกเราจะต้องขอสรุปรวบยอดข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้น ๆ เอาไว้สั้น ๆ ให้ผู้ซึ่งงุนงงกับบทความอันยืดยาวของพวกเราได้ผ่อนคลายหายมึนกันสักหน่อย สำหรับบทสรุปของทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมต่อ “เกาะรังใหญ่” ก็คือ เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการพักผ่อนค้างแรมในบรรยากาศแบบส่วนตั๊ว.....ส่วนตัว (รีสอร์ทเกาะรังใหญ่มีบังกะโลบนเกาะอยู่ทั้งหมดเพียงแค่ 9 หลังเท่านั้น) ,โรแมนติกยามเช้าและเย็นใต้แสงอาทิตย์จาง ๆ กับแฟน ,สนุกสุขสันกันทั้งครอบครัวกับกิจกรรมอันหลากหลายซึ่งทางรีสอร์ทได้จัดอุปกรณ์ไว้ให้ (อุปกรณ์บางส่วนอาจชำรุดทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา) หรือจะเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับหอยมุกไปพร้อม ๆ กับชมร้านจำหน่ายไข่มุกอันละลานตา (ไม่ซื้อหาทางรีสอร์ทก็ไม่ว่ากันอยู่แล้วครับ) ท้ายนี้ขอรับรองว่าค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวทั้งหมด.....คนไทยก็พอสู้ไหวไม่เกินแรง
การเดินทาง : สามารถเดินทางไปยังเกาะรังใหญ่ได้จากทั้งท่าเรือ Boat Lagoon (speed boat) หรือท่าเรือแหลมหิน (เรือหางยาว/เรือหัวโทง : ท่าเรืออยู่ติดกับแหลมหินซีฟู้ด) แต่เนื่องจากเกาะรังใหญ่เป็นเกาะส่วนตัว การเดินทางไปยังเกาะจึงต้องติดต่อผ่านตัวแทนของรีสอร์ทเกาะรังใหญ่ก่อนล่วงหน้า
ติดต่อจองโปรแกรมทัวร์และที่พักบนเกาะรังใหญ่ : (089)137 – 8702 ,(084)145 – 0957,(084)360 – 2913
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปีแต่ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม คือ กลางเดือน พ.ย. – ต้นเดือน พ.ค. (ช่วงเดือน มิ.ย. – ต.ค. เป็นช่วงฤดูมรสุม ท้องทะเลจะมีแมงกะพรุนจำนวนมากไม่เหมาะแก่การท่องเที่ยว)
หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) เก็บข้อมูลเกาะรังใหญ่ จ.ภูเก็ต เมื่อเดือน เม.ย. 2553
ขอขอบคุณ : ข้อมูลอ้างอิงจากรีสอร์ทเกาะรังใหญ่ ,บทความของ “พิมพ์ทอง ทองนพคุณ” , Anandia Pearls , Prima Pearl ,Pocket Pearl ,RC gems และ AunyaManee.com
เกาะรังใหญ่
(กรุณาคลิ๊ก “ ชื่อสถานที่ท่องเที่ยว” เพื่อชมภาพถ่ายและข้อมูลของสถานที่แต่ละแห่งโดยละเอียด)
|
หน้า 1 |
หาดรังใหญ่ |
หน้า 2 |
รอบเกาะรังใหญ่ |
หน้า 3 |
ร้านขายไข่มุก - ฟาร์มหอยมุก |
โปรโมชั่นทัวร์อื่น ๆ เริ่มต้นจาก จ.ภูเก็ต ราคาถูก/ราคาประหยัด
|
สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเขตจังหวัดภูเก็ต
(กรุณาคลิ๊ก “ ชื่อสถานที่ท่องเที่ยว” เพื่อชมภาพถ่ายและข้อมูลของสถานที่แต่ละแห่งโดยละเอียด) |
อ.เมือง |
เกาะราชาใหญ่ , เกาะรังใหญ่ , เกาะเฮ , สยามนิรมิต ภูเก็ต ,
หาดกะตะ , หาดกะรน , หาดราไวย์ , หาดในหาน , อ่าวฉลอง , วัดฉลอง ,
แหลมพรหมเทพ , จุดชมทิวทัศน์สถานีไฟฟ้าพลังงานทดแทน |
อ.กะทู้ |
ภูเก็ตแฟนตาซี , หาดป่าตอง , หาดกมลา |
อ.ถลาง |
หาดในยาง - อุทยานแห่งชาติสิรินาถ |
|